หนึ่งในสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องเห็นอยู่เสมอเมื่อสตาร์ทรถคงหนีไม่พ้นสัญลักษณ์เตือนในรถ หรือสัญลักษณ์ไฟโชว์บนหน้าปัดที่มีหน้าตาหลากหลาย บางสัญลักษณ์ติดอยู่ตลอดเวลา บางสัญลักษณ์ก็ถูกปิดไว้ แล้วสงสัยกันไหมว่าแต่ละตัวหมายถึงอะไร หรือมีตัวไหนที่ต้องระวังบ้าง บทความนี้ Car Hero จะพาไปสังเกตดูความหมายของไฟหน้าปัดที่โชว์ภายในรถ ตัวไหนที่ปลอดภัยหายห่วง ตัวไหนรีบแก้ด่วน! มาดูคำตอบกันได้เลย

ทำไมเราถึงต้องรู้ความหมายของสัญลักษณ์เตือนรถ?

สัญลักษณ์เตือนในรถเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสภาพการใช้งานของระบบรถ คอยเตือนเวลารถเกิดปัญหา หากสังเกตเห็นก่อนก็จะแก้ไขได้ทันท่วงที หรือหากมีปัญหาในขณะอยู่บนถนนจะได้หาจังหวะหยุดรถก่อนเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมท้องถนน

สีของไฟโชว์หน้าปัดมีความหมายว่าอย่างไร?

สีสัญลักษณ์ไฟโชว์หน้าปัดรถยนต์ หลักๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 4 สี ได้แก่ สีเขียว สีฟ้า สีเหลือง และสีแดง ซึ่งแต่ละสีนั้นก็มีความหมายแตกต่างกันไป ดังนี้

• สัญลักษณ์สีเขียว: สัญลักษณ์ที่บอกว่าการใช้งานของระบบและอุปกรณ์ยังปกติอยู่ ไม่ได้เตือนเรื่องเกี่ยวกับอันตรายใดๆ ของตัวรถ
• สัญลักษณ์สีฟ้า: สัญลักษณ์ที่บอกว่าการใช้งานหรือการทำงานของอุปกรณ์ยังเป็นปกติอยู่ ในลักษณะเช่นเดียวกันกับสัญลักษณ์สีเขียว แต่มักจะเป็นการทำงานที่ไม่เหมือนค่าตั้งต้นโรงงาน หรือบางครั้งบอกถึงอุณหภูมิที่ต่ำ
• สัญลักษณ์สีเหลือง: สัญลักษณ์ที่เตือนว่ารถเกิดปัญหาภายในระบบหรืออุปกรณ์บางส่วน แต่ยังพอใช้งานได้อยู่ โดยผู้ขับขี่ควรระวังการใช้งานในส่วนนั้นๆ เป็นพิเศษ และนำรถไปตรวจสอบระบบหรืออุปกรณ์หลังจากใช้งานรถเสร็จแล้ว
• สัญลักษณ์สีแดง: สัญลักษณ์เตือนในรถที่เป็นสีแดงนั้นเป็นตัวบ่งบอกว่าระบบหรืออุปกรณ์มีปัญหา ควรนำไปตรวจสอบ ซ่อม หรือหยุดใช้งานโดยทันที ก่อนที่รถจะเสี่ยงอันตราย ทั้งนี้ รถบางคันจะเห็นสัญลักษณ์สีแดงสว่างขึ้นมาเมื่อสตาร์ทรถ และดับไป กรณีติดและดับไปนี้ไม่มีปัญหา แต่หากติดอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าเป็นการแจ้งเตือน ควรตรวจสอบทันทีเช่นกัน

สัญลักษณ์เตือนรถที่ทุกคนควรรู้ไว้

รู้จักความหมายของสีต่างๆ ไปแล้ว แต่ก็อาจยังสับสนกับตัวรูปสัญลักษณ์ที่มีเยอะสุดๆ จนแทบจำไม่ไหว แถมบางตัวก็ดูไม่ออกว่าสื่อถึงอะไรแน่ ตามมาไขปริศนารูปสัญลักษณ์หน้าปัดให้กระจ่างกันเลยดีกว่า โดยมาเริ่มกันที่สัญลักษณ์สีแดงตัวอันตรายกันก่อน

สัญลักษณ์สีแดงเตือนรถที่ควรหยุดใช้งานทันที

สัญลักษณ์เตือนในรถขึ้นไฟสีแดงสัญญาณเตือนฉุกเฉินอันตราย หากกำลังใช้งานรถอยู่ควรหยุดรถเพื่อตรวจสอบ หรือเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบโดยด่วน ไม่เช่นนั้นเสี่ยงจะไม่ปลอดภัยเป็นอย่างสูง มาดูกันว่าแต่ละสัญลักษณ์เตือนที่ขึ้นไฟสีแดงนั้น หมายถึงอะไรบ้าง

• สัญลักษณ์ไฟสีแดงหน้าจอรถขึ้นรูปเครื่องยนต์: ถ้าขณะขับขี่มีไฟสัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์สีแดงติดค้างขึ้นมา แสดงว่าเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา ผู้ขับขี่ไม่ควรใช้ความเร็วของรอบเครื่องยนต์สูง ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายได้ และควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสภาพทันที
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงเครื่องหมายตกใจหน้าปัดรถ: สัญลักษณ์แบบนี้มีความหมายได้ 3 กรณี
  • กรณีแรก คือ ผู้ขับขี่ไม่ได้เอาเบรกมือลง เบรกมือค้าง หรือปลดเบรกมือลงไม่สุด ทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลง รถบางคันอาจจะใช้สัญลักษณ์รูปตัว P เพื่อแสดงถึงปัญหาเบรกมือก็มีเช่นกัน กรณีนี้ให้รีบนำเบรกมือลง แต่หากนำเบรกมือลงแล้วสัญลักษณ์ยังไม่หายไปแปลว่ารถอาจมีปัญหาอื่นๆ อย่างปัญหาในกรณีที่สองหรือกรณีที่สาม เป็นต้น
  • กรณีที่สอง คือ ระบบเบรกมีปัญหา โดยส่วนใหญ่จะปัญหาระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่าปกติ ให้ตรวจสอบโดยทันที
  • กรณีสุดท้าย คือ รถอาจกำลังมีปัญหาด้านการทรงตัว ซึ่งก็สัมพันธ์กับการทำงานของระบบเบรกนั่นเอง กรณีนี้ก็ควรหาที่จอดรถเพื่อตรวจสอบเช่นกัน
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงรูปเทอร์โมมิเตอร์: สัญลักษณ์ที่แสดงความร้อนของเครื่องยนต์ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ ท่อยางน้ำรั่ว พัดลมไม่ทำงาน และหม้อน้ำเครื่องยนต์ร้อนผิดปกติ ถ้าเห็นสัญลักษณ์นี้ขณะอยู่บนท้องถนน ควรหาจุดแวะจอดรถ ดับเครื่องยนต์  เปิดฝากระโปรงระบายความร้อน ตรวจสอบความผิดปกติ และติดต่อนำรถเข้าศูนย์เพื่อป้องกันเครื่องยนต์เสียหายต่อไป ทั้งนี้ หากต้องการตรวจสอบหม้อน้ำด้วยตนเองในเบื้องต้น อย่าลืมรอให้หายร้อนก่อน
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงรูปแบตเตอรี่: เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์เตือนในรถที่ต้องรีบแก้ไข เพราะเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่ใกล้หมด หรือไดชาร์จไม่ทำงาน อาจทำให้เครื่องยนต์ดับขณะขับขี่ได้ หากพบสัญลักษณ์แบบนี้ ผู้ขับขี่ควรประคองรถจอด และเตรียมติดต่อนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คทันที หากมีอาการผิดปกติบ่อยๆ อาจตรวจสอบว่าเพิ่มเติมว่าแบตเตอรี่เสื่อมหรือยัง
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงรูป ABS: สัญลักษณ์ที่บอกว่าระบบเบรกป้องกันล้อล็อก หรือเรียกว่าระบบเบรก ABS นั้นกำลังมีปัญหา ระบบเบรกตัวนี้มีคุณสมบัติหลักคือป้องกันการลื่นไถลเมื่อเบรก โดยเฉพาะบนพื้นถนนที่ลื่น เปียก และเมื่อเบรกฉุกเฉิน ดังนั้น หากระบบมีปัญหาขึ้นมาก็ถือว่าเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมาก ควรรีบนำเข้าศูนย์เพื่อทำการตรวจสอบ
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงเตือนรูปเหยือกหรือกาน้ำมัน: แสดงถึงระบบของน้ำมันเครื่องกำลังมีปัญหา โดยอาจหมุนเวียนได้ไม่ดี ซีลรั่ว อ่างน้ำมันเครื่องทะลุ ควรรีบหาที่หยุดรถทันที และติดต่อศูนย์ซ่อมเพื่อป้องกันเครื่องยนต์เสียหาย
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงรูปถุงลมนิรภัย: รถบางคันจะมีแสดงสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาเมื่อเครื่องยนต์สตาร์ท จากนั้นสัญลักษณ์จะดับไป แต่หากสัญลักษณ์นี้ติดตลอดเวลาแสดงว่าระบบถุงลมนิรภัยกำลังมีปัญหา ควรรีบนำเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนใหม่ทันที
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงรูปพวงมาลัย: สัญลักษณ์เตือนในรถที่เป็นรูปพวงมาลัยนั้นเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ที่จริงแล้วสำคัญไม่แพ้สัญลักษณ์อื่นๆ เพราะเป็นการแจ้งเตือนพวงมาลัยรถล็อก โดยมีวิธีการแก้ไข คือ เสียบกุญแจเข้าอีกครั้ง และลองขยับพวงมาลัย
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงรูปคาดเข็มขัด: เตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัย โดยส่วนใหญ่แล้วรถรุ่นใหม่มักจะขึ้นสัญลักษณ์นี้พร้อมด้วยเสียงเตือนตลอดเส้นทาง
• สัญลักษณ์ไฟสีแดงรูปประตูรถเปิด: สัญลักษณ์แบบนี้แสดงว่าประตูรถกำลังปิดไม่สนิทดี ในรถบางรุ่นจะมีเสียงสัญญาณเตือนด้วยเช่นกัน อย่ามองข้ามประตูรถที่ปิดไม่แน่น เพราะผู้โดยสารอาจพลัดตกจากรถได้
• สัญลักษณ์สีแดงรูปรถในสามเหลี่ยม: แจ้งเตือนระยะห่างระหว่างรถของผู้ขับขี่กับรถคันหน้าว่าเว้นระยะน้อยเกินไป ควรเว้นห่างอย่างน้อย 60 เมตร เพื่อความปลอดภัย

สัญลักษณ์สีเหลืองเตือนรถที่ควรตรวจสอบหรือแก้ไข

หากเห็นสัญลักษณ์เตือนในรถที่เป็นสีเหลืองปรากฎขึ้นมาเมื่อหร่ ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าเป็นใบเหลืองจากรถ ขึ้นมาเพื่อเตือนว่าระบบบางอย่างเริ่มจะมีปัญหาแล้วนะ ต้องระวังการใช้งาน อาจจะยังไม่ต้องหยุดรถทันทีเพราะรถยังใช้งานได้อยู่ แต่หากขับขี่จนถึงปลายทางแล้วก็ควรแก้ไข หรือนำรถเข้าอู่เพื่อตรวจสอบให้เรียบร้อย โดยสัญลักษณ์สีเหลืองที่มักเห็นบ่อยๆ นั้น ได้แก่

• สัญลักษณ์ไฟสีเหลืองรูประดับน้ำล้างกระจก: แสดงว่าระดับน้ำยาล้างกระจกต่ำ ผู้ขับขี่ควรเติมน้ำยาเพื่อทำความสะอาด
• สัญลักษณ์ไฟสีเหลืองรูปน้ำมัน: แสดงว่าน้ำมันใกล้จะหมด ควรรีบเติมน้ำมันให้อยู่ในระดับที่รถสามารถดูดไปเลี้ยงเครื่องยนต์ได้สม่ำเสมอ โดยแนะนำที่ 3 ส่วน 4 ของถัง
• สัญลักษณ์ไฟสีเหลืองรูปควบคุมการทรงตัวของรถ: เป็นสัญลักษณ์ที่จะปรากฎขึ้นเมื่อผิวถนนลื่น ผู้ขับขี่ควรระมัดระวังรถลื่นไถล
• สัญลักษณ์ไฟสีเหลืองรูปเครื่องหมายตกใจในฟันเฟือง: เป็นไฟเตือนระบบเกียร์อัตโนมัติ มักจะแสดงเมื่อเกียร์น้ำมันมีอุณหภูมิที่สูง หรืออาจแปลว่าการทำงานมีปัญหา อย่าชะล่าใจเพราะอาจต้องเปลี่ยนเกียร์ยกชุดในอนาคตได้

สัญลักษณ์สีฟ้าเตือนรถที่ไม่ใช่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน

สัญลักษณ์เตือนในรถที่เป็นสีฟ้านั้นเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงระบบที่กำลังทำงานอยู่ ซึ่งไม่ไช่ค่าตั้งต้นของรถจากทางโรงงาน หรือในรถบางคันก็เป็นการบอกถึงอุณหภูมิระบบ เช่น

• สัญลักษณ์ไฟสีฟ้ารูปไฟสูง: เป็นสัญลักษณ์ที่จะแสดงเมื่อผู้ขับขี่เปิด-ปิดไฟสูงเพื่อการมองเส้นทางที่ชัดขึ้นเมื่อขับขี่รถในตอนกลางคืน
• สัญลักษณ์ไฟสีฟ้ารูปเทอร์โมมิเตอร์: สัญลักษณ์แบบนี้แสดงว่าเครื่องยนต์เย็นเกินไป ไม่ใช่อุณหภูมิที่เหมาะใช้งาน ควรจอดรถอุ่นเครื่อง หรือใช้รอบความเร็วรถต่ำไปก่อน จนกว่าไฟสีฟ้าดับไป แล้วค่อยกลับมาใช้ความรถได้ปกติ

สัญลักษณ์สีเขียวเตือนรถที่แสดงว่ากำลังใช้งานอยู่

สัญลักษณ์เตือนในรถที่เป็นสีเขียว เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่ารถว่ากำลังใช้งานระบบหรืออุปกรณ์ใดอยู่ โดยผู้ใช้อาจจะเป็นคนที่เปิดใช้งานระบบเอง หรือตัวรถเปิดใช้งานระบบนั้นขึ้นอัตโนมัติตามสถานการณ์ในการขับขี่ ทั้งนี้ บางระบบอาจจะมีเฉพาะในรถบางรุ่นเท่านั้น ตัวอย่างสัญลักษณ์สีเขียว เช่น

• สัญลักษณ์รูปไฟสีเขียวรูปหลอดไฟ: สัญลักษณ์ที่แสดงว่าไฟห้องโดยสารหรือไฟด้านข้างรถกำลังเปิดใช้งานอยู่
• สัญลักษณ์รูปไฟตัดหมอกสีเขียว: สัญลักษณ์ที่แสดงว่าไฟตัดหมอกกำลังทำงาน ซึ่งไฟตัดหมอกเป็นระบบที่ช่วยให้มองเห็นทัศนียภาพในการขับขี่ขณะถนนมีหมอก สิ่งกีดขวาง หรือฝนตกหนัก ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ไม่ควรเปิดไฟตัดหมอกรถขณะขับรถตลอดเวลา เพราะจะทำให้ไฟไปรบกวนทัศนวิสัยของผู้ที่ขับขี่รถคันอื่นๆ
• สัญลักษณ์ไฟหรี่: สัญลักษณ์ที่บอกว่ากำลังใช้งานไฟหรี่ ซึ่งเป็นไฟที่ใช้บอกตำแหน่งของตัวรถ เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้เพื่อนร่วมทางมองเห็น ในเส้นทางที่ไม่มีไฟสาธารณะ
• สัญลักษณ์ไฟสีเขียวรูปหน้าปัดพร้อมเข็มชี้: สัญลักษณ์ที่แสดงว่าระบบควบคุมความเร็วกำลังทำงาน

ถ้าหากมีไฟโชว์หน้าปัดระหว่างขับขี่ควรทำอย่างไรดี?

หากผู้ใช้รถยนต์ขับขี่แล้วมีไฟเตือนโชว์หน้าปัดหรือสัญลักษณ์เตือนในรถปรากฎขึ้นมาก็ไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจ หรือตีความหมายว่ารถจะเสียในขณะนั้น ให้ดูที่สีของสัญลักษณ์ว่ามีความรุนแรงแค่ไหน ถ้าเป็นสีเขียวหรือฟ้าก็สบายใจได้ ถ้าเป็นสีเหลืองอาจจะต้องเตรียมนำรถเข้าศูนย์หลังขับไปถึงจุดหมาย และถ้าเป็นสีแดงควรดูรูปสัญลักษณ์ต่อว่าเป็นสัญลักษณ์อะไร เช่น หากเป็นสัญลักษณ์ไฟหน้าปัดโชว์สีแดงรูปรถในสามเหลี่ยมที่แสดงถึงระยะห่างตัวรถของผู้ขับขี่กับคันข้างหน้าใกล้กันมากเกินไป ผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างประมาณ 60 เมตรเพื่อความปลอดภัย ลักษณะนี้สามารถจัดการระหว่างขับรถได้ แต่หากเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความผิดปกติของระบบเบรก แบตเตอรี่รถยนต์ ฯลฯ ก็ให้ค่อยๆ หาจุดแวะจอดรถและหาช่องทางนำรถเข้าอู่ซ่อมเพื่อความปลอดภัยต่อไป

จบไปแล้วสำหรับสัญลักษณ์เตือนภายในรถที่สำคัญ ใครที่ใช้รถเป็นประจำควรหมั่นสังเกตสัญลักษณ์ไฟโชว์ที่หน้าปัดอย่างสม่ำเสมอ และควรเรียนรู้ไว้ก่อนว่าสัญลักษณ์ไฟแต่ละเครื่องหมายนั้นเตือนอะไร จะได้ไม่ตกใจขณะขับขี่ พร้อมสามารถรับมือแก้ปัญหาได้ทันท่วงที และที่สำคัญ อย่าลืมตรวจเช็กรถตามกำหนดการนัดหมาย เพื่อลดความกังวลและเพิ่มความปลอดภัยตลอดเส้นทาง