7 วิธีหนีรถย้อมแมว เลือกดูรถมือสองยังไง ให้ถูกใจและดีจริง
17 กุมภาพันธ์ 2024

ซื้อรถมือสองทีไรเป็นต้องปวดหัวทุกทีว่าจะถูกเอารถไม่ดีมาหลอกขายหรือเปล่า เพราะโลกของรถมันโหดร้าย มีทั้งรถย้อมแมวสภาพแย่ คุณภาพต่ำเตี้ยในราคาสูงลิ่ว ผ่านอุบัติเหตุมาโชกโชน หรือประกอบร่างใหม่มาแล้ว แต่คนขายทำเนียนไม่บอก ไหนจะรถหนีไฟแนนซ์ หรือกระทั่งรถโจรอีก! ขืนเดินเข้าไปเลือกรถคนเดียวมึนๆ แบบไม่รู้วิธีดูรถมือสองไปก่อนเลย มีหวังโดนมิจฉาชีพต้มเปื่อยแน่ๆ แต่อย่าพึ่งสิ้นหวังไป รถมือสองราคาและคุณภาพดีมีอยู่จริง และวันนี้ Car Hero จะมาช่วยทุกคนหารถคันนั้นให้เจอเอง พร้อมแล้วก็ไปดูวิธีเลือกรถมือสองให้ถูกใจและดีจริงกันเลย

 

เลือกแหล่งรถน่าเชื่อถือ

1. เลือกแหล่งรถน่าเชื่อถือ

ขั้นตอนแรกของวิธีดูรถมือสองคือการเลือกแหล่งขายที่น่าเชื่อถือ อาทิ มีประวัติการขายที่ดี มีหน้าร้าน มีรีวิว มีการอัปเดตข้อมูลสม่ำเสมอ และติดต่อได้ นอกจากความน่าเชื่อถือแล้วก็ควรค้นคว้าจากหลากหลายแหล่งเพื่อเปรียบเทียบทั้งความถูกต้องของข้อมูล และความคุ้มค่าของราคา

 

เลือกยี่ห้อและรุ่นรถ

2. เลือกยี่ห้อและรุ่น

วิธีดูรถมือสองในแบบที่ไม่ให้เจ็บใจภายหลังคือ ต้องไม่ลืมสำรวจยี่ห้อและรุ่นรถ เพราะเป็นสองปัจจัยที่ส่งผลต่อราคารถในภายภาคหน้า บอกเลยว่ารถบางรุ่นเป็นรุ่นที่ราคาตกเร็วและตกทีละมากๆ เรียกว่าร่วงได้เลยทีเดียว ในอนาคตหากอยากขายต่อคงได้กุมขมับ เพราะโอกาสขายออกแสนจะยากเย็น ถามราคาก็อาจน้อยจนไม่คุ้มค่าเหนื่อยตามหาคนซื้อด้วยซ้ำ

 

นอกจากนั้น รถแต่ละรุ่นและยี่ห้อจะใช้อะไหล่ต่างกันไป รถบางรุ่นใช้อะไหล่รุ่นพระเจ้าเหาที่ปัจจุบันหาแทบไม่เจอแล้ว กรณีนี้จะทำให้มีปัญหาในการซ่อมในภายหลังได้ ประเด็นนี้เป็นข้อควรรู้ก่อนซื้อรถมือสองที่บางคนเผลอลืม

 

เทียบราคา รุ่น ปี งบประมาณ รถ

3. เทียบราคา รุ่น ปี และงบประมาณ

การกำหนดงบประมาณไว้ก่อน จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ คนที่ไม่รู้วิธีดูรถมือสองมักประสบปัญหาโดนหลอกขายรถในราคาสูงกว่าที่ควรเป็น ดังนั้น อีกหนึ่งสิ่งที่ควรเตรียมก่อนไปเลือกซื้อรถมือสองคือการศึกษา และเทียบราคากลางของแต่ละรุ่น และแต่ละปีไปก่อนให้แน่น ข้อนี้จะช่วยให้เอะใจได้หากถูกโก่งราคา 

 

ข้อดีอีกข้อของการเทียบรุ่นและราคาคือ เป็นวิธีเช็ครถมือสองที่พอดีกับเงินในกระเป๋าไปในตัว หากรุ่นที่ต้องการเกินงบประมาณ สามารถมองหารถรุ่นเดียวกันในปีอื่นๆ ที่ราคาต่ำกว่าได้

 

ตรวจสอบประวัติรถยนต์

4. ตรวจสอบประวัติรถยนต์

ขีดเส้นใต้ไว้สามเส้นเลยว่าประวัติรถยนต์สำคัญสุดๆ ถึงขั้นเป็นตัวกำหนดเลยว่าจะได้เป็นเจ้าของรถถูกกฏหมายหรือรถโจร หรือจะต้องเสียเงินเพิ่มจากราคาจริงที่จ่ายเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นวิธีดูรถมือสองไม่ให้พลาดต้องไม่ขาดการตรวจสอบประวัติ ไปดูกันเลยว่ามีวิธีเช็คประวัติรถมือสองยังไงบ้าง

ตรวจสอบเอกสาร

วิธีดูประวัติรถมือสองเริ่มต้นได้จากการตรวจสอบเอกสาร โดยเอกสารที่ควรตรวจสอบเบื้องต้น ได้แก่

• ใบคู่มือจดทะเบียน หรือ เล่มทะเบียนรถ: ควรตรวจชื่อเจ้าของว่าตรงกับผู้ขายหรือไม่ ตรวจสอบเลขที่เครื่องยนต์ รุ่น ปี สี และรายละเอียดอื่นๆ ของรถว่าเหมือนกับรถจริงหรือเปล่า บางทีข้อมูลที่คนขายโฆษณากับข้อมูลที่อยู่ในเอกสารไม่ตรงกัน กรณีแบบนี้ก็สงสัยไว้เลยว่าอาจจะเป็นรถย้อมแมว ทั้งนี้ รถยนต์ที่เล่มทะเบียนเขียนว่าสูญหาย หรือเปลี่ยนเล่มทั้งที่รถซื้อมาไม่กี่ปี ถือเป็นสัญญาณอันตรายของรถที่โจรกรรมมา ให้รีบสอบถามเจ้าของ หรือหนีไปหาคันใหม่ดีกว่า

• การชำระภาษีรถประจำปี: นอกจากจะเป็นการยืนยันว่าไม่ใช่รถโจรแล้ว ข้อสำคัญคือหากจ่ายไม่ครบแล้วมีการติดตามย้อนหลัง จะโดนทั้งค่าภาษีค้างจ่าย และค่าปรับย้อนหลัง รวมๆ กันแล้วอาจน้ำตาตกได้เลยทีเดียว ยังไม่พอ หากรถขาดการชำระภาษีติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจโดนระงับทะเบียน ต้องไปดำเนินการต่อทะเบียนใหม่ เรียกว่าเสียเงินแล้วเสียเงินอีก แถมยังเสียเวลาด้วย

• เอกสารประกัน: เอกสารประกัน และรายละเอียดกรมธรรม์เกี่ยวกับรถ

ตรวจสอบทะเบียน

ทะเบียนรถเป็นหลักฐานอีกชิ้นที่บอกประวัติของรถได้ คล้ายกับเอกสารประเภทหนึ่ง โดยวิธีสังเกตทะเบียนมีดังนี้

• ทะเบียนต้องถูกกฎหมาย: สามารถตรวจสอบทะเบียนรถของผู้ขายได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสำนักงานขนส่งสาขา

• ทะเบียนต้องไม่ขาด: สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อซื้อรถทะเบียนขาด คือ คนซื้อต้องเป็นฝ่ายต่อทะเบียน และควักกระเป๋าจ่ายเงินเอง กลายเป็นว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้ ดังนั้น หากตรวจสอบแล้วพบว่ารถทะเบียนขาด ลองตกลงกับคนขายเรื่องเงินส่วนนี้ให้ชัดเจน

ตรวจสอบอายุรถยนต์ และปีรถยนต์

รถยนต์แต่ละปีมีความเฉพาะตัว วิธีดูรถมือสองจึงสามารถดูจากปีรถยนต์ได้เช่นกัน โดยหากรถยนต์มีรูปร่างหน้าตาแปลกไปจากที่ควรเป็นก็ควรสอบถามผู้ขาย บางทีอาจผ่านการแต่งรถมาก่อน หรืออาจเป็นรถยนต์ผิดรุ่น ผิดปี อีกหนึ่งข้อที่สำคัญไม่แพ้กันคืออายุรถยนต์ รถยนต์ที่เก่าจนเข้าขั้นโบราณนั้น หากไม่ได้ดูแลอย่างประคบประหงมจริงๆ ก็มักจะเป็นรถที่ใกล้หมดอายุการใช้งาน กรณีนี้ถ้าไม่ได้คิดจะซื้อมาสะสมของเก่า ก็ควรหนีไปก่อนดีกว่า

ตรวจสอบไมล์สะสมรถยนต์

ไมล์สะสมรถยนต์เป็นตัวเลขที่บอกระยะทางการขับขี่ของรถยนต์ โดยเฉลี่ยควรอยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000 กม./ปี  ถ้าหากมากกว่านั้นถือว่าใช้หนักเกิน และยิ่งเลขไมล์สูงก็ยิ่งต้องดูแลมากตามไปด้วย แต่ถ้าหากน้อยกว่านั้นเกินครึ่งก็ดูผิดวิสัย อาจจะเป็นตัวเลขไมล์แบบโกงๆ ได้ แนะนำให้สอบถามคนขายว่าทำไมเลขไมล์ถึงน้อยผิดปกติ

 

วิธีดูรถมือสองวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย เพียงแค่ตรวจตัวเลข แต่ก็มีข้อควรระวัง กล่าวคือ ปัจจุบันมักจะมีการ ‘กรอเลขไมล์’ คือการใช้อุปกรณ์เปลี่ยนเลขไมล์ให้น้อยกว่าความเป็นจริง จึงควรดูเลขไมล์ทุกปีประกอบกับสภาพรถ ประวัติจากศูนย์รถ และเอกสารการบำรุงรักษา

ตรวจสอบว่ามีเอกสารการบำรุงรักษาไหม

การตรวจสอบเอกสารบำรุงรักษาถือเป็นอีกวิธีดูรถมือสองที่ไม่ควรมองข้าม โดยเอกสารบำรุงการรักษา คือเอกสารที่บันทึกการนำรถเข้าศูนย์ และตรวจซ่อม เหมือนกับการดูแลสุขภาพนั่นเอง โดยหากเจ้าของรถนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์ของแบรนด์รถนั้นๆ ก็ยิ่งดี เพราะถือว่าจะได้รับการดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับรถมากที่สุด ส่วนรถที่เจ้าของไม่ค่อยจะดูแลเท่าไหร่ถือว่าน่ากลัวไม่น้อย โดยเฉพาะรถที่อยู่มาหลายปีแต่ไม่มีการบำรุงรักษาที่สม่ำเสมอ ถ้ารับไปใช้ต่ออาจกลายเป็นการรับรถป่วย กระเสาะกระแสะใกล้พังมาดูแลในช่วงสุดท้ายของอายุขัยก็ได้ ภาษาบ้านๆ คือกลายเป็นเสียเงินซื้อรถใกล้พังนั่นเอง

อื่นๆ

สอบถามกับเจ้าของ หรือตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับรายละเอียดต่อไปนี้

• รถเคยเกิดอุบัติเหตุหรือไม่: ไม่ว่าจะเป็นการเฉี่ยวหรือชน ทั้งนี้ ควรสอบถามความรุนแรงของอุบัติเหตุนั้นๆ ด้วย

• รถเคยประสบภัยธรรมชาติหรือไม่: ที่พบเจอบ่อยที่สุดคือน้ำท่วม ซึ่งจะทำให้การใช้งานของรถประสิทธิภาพลดลงแน่นอน

• เคยมีการยกเครื่องหรือไม่: ยกเครื่องคือการเปลี่ยนแปลงหรือซ่อมรถครั้งใหญ่ อาจมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ เปลี่ยนช่วงล่าง เป็นต้น

• เคยนำไปทำเป็นระบบแก๊สหรือไม่: เนื่องจากการติดตั้งระบบแก๊สจะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติ

• เป็นรถจดประกอบหรือไม่: รถจดประกอบคือรถที่นำเข้ามาเป็นชิ้นส่วน ซึ่งต้องมีการจดทะเบียนถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดกฎหมาย

• เคยเปลี่ยนเจ้าของมาหรือไม่: เปลี่ยนมาแล้วกี่คน

ฟังประวัติรถจากปากผู้ขายแล้วก็จะเริ่มตัดสินใจได้มากขึ้นเองว่าจะตกลงปลงใจกับรถคันนั้นๆ ดีไหม แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เจ้าของทุกคนจะพูดความจริงหมดทุกอย่าง ดังนั้นจึงต้องเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป นั่นคือการไปดูรถจริงนั่นเอง

 

ดูสภาพรถจริง

5. ออกไปเห็นรถสภาพจริงก่อนเสมอ

เอกสารรถอาจจะเนี้ยบ คำบอกเล่าจากคนขายอาจจะดูดี แต่ขอบอกว่าต้องไปเห็นรถจริงเท่านั้นแหละ ถึงจะรู้ว่าเป็นรถที่ดีจริงๆ หรือรถย้อมแมว นับว่าเป็นวิธีดูรถมือสองที่สำคัญที่สุดอีกข้อหนึ่ง โดยวิธีเช็กรถควรเช็กทั้งสภาพด้านนอก และสภาพด้านใน 

เช็กสภาพด้านนอก

วิธีเช็คสภาพรถมือสองส่วนด้านนอก ในเบื้องต้นสามารถสังเกตได้ตามจุดต่อไปนี้

• รอย: ไม่มีรอยเฉี่ยว รอยบุบ หรือสนิมรอบรถ พร้อมทั้งตรวจสอบร่องรอยการทำสี

• ทรง: รูปทรงไม่เบี้ยว

• กระจก: กระจกรถทุกบานควรมีโลโก้รุ่นรถยนต์ หากไม่มี อาจเพราะมีการเปลี่ยนกระจกหลังจากการชนหรือแต่งรถ

• ประตู: ประตูและตะเข็บประตูทั้งสี่ด้านควรเหมือนกัน มีขนาดเท่ากัน พวกที่ประตูหน้าตาไม่ค่อยจะเหมือนกันนั้นมักเกิดจากการแยกร่าง หรือประกอบมาแล้วก่อนหน้า

• ล้อ: ล้อรถ รอยแผล ตำหนิ  ขอบล้อมีรอยกลึงไหม ขอบด้านหน้าหรือด้านหลังบางหรือไม่ อย่าลืมดูให้ครบทุกล้อ บางกรณีล้อรถแต่ละล้อเป็นคนละยี่ห้อกัน ทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มในการเปลี่ยน

• เบรก: ผ้าเบรกควรมีขนาด 10 มม.

• ระบบกันสะเทือน: เมื่อกดลงบนตัวถังไม่ควรเด้งกลับหลายครั้ง

• คานรถ: ตำแหน่งคานรถไม่ผิดปกติ

ภายในกระโปรงหน้า

  •        - ไม่มีควัน ไม่มีคราบน้ำมัน
           - ตะเข็บ: ตะเข็บกระโปรงไม่นิ่ม ไม่แข็งเกินไป
           - น็อต: สภาพน็อตตามเครื่องยนต์ สีชัด ไม่มีร่องรอยการขันน็อตจนหลวม
           - หม้อน้ำ: ดูความขุ่นของหม้อน้ำ อย่าลืมเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องเย็นเท่านั้น และใช้ถุงมือเพื่อกันอันตราย
           - 
    แบตเตอรี่รถยนต์: ตัวกล่องไม่บวม ไม่มีกลิ่นเป็นกรด

           - เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ยิ่งมีขนาดใหญ่จะยิ่งเปลืองน้ำมัน

เช็กสภาพด้านใน

เช็กสภาพด้านนอกรถเสร็จแล้ว ถัดมาควรเช็กสภาพด้านในด้วย ได้แก่

• กลิ่น: กลิ่นชื้นอับตลบอบอวลเป็นสัญญาณของรถที่ผ่านน้ำท่วมมาก่อน

คัสซีรถ: คดงอไหม มีเลขคัสซีไหม

• ระบบไฟ ไฟหน้า: ไฟเลี้ยว ไฟสูง ไฟต่ำ ไฟตัดหมอก ไฟฉุกเฉิน ฯลฯ ทำงานปกติหรือไม่

อุปกรณ์ไฟฟ้า: หน้าจอแสดงผล วิทยุ ที่ปัดน้ำฝน เข็มขัดนิรภัย ที่ปรับระดับที่นั่ง ฯลฯ

 

ทดลองขับรถ

6. ทดลองขับรถ

วิธีดูรถมือสองขั้นตอนถัดไปคือการทดลองขับจริง เพราะไม่มีอะไรจะพิสูจน์ว่ารถคันนั้นเป็นรถที่ถูกชะตาได้ดีไปกว่าการลองใช้งานจริงอีกแล้ว โดยนอกจากความรู้สึกขณะขับแล้วก็ยังมีสิ่งที่ควรสังเกต ดังนี้

• สตาร์ท: สตาร์ทรถแล้วไม่ควรมีควันไหลออกท่อไอเสีย ถ้ามีควันไหลออกมาอาจแปลว่าเครื่องหลวม รอบเดินเบาไม่ควรสั่น และไม่ควรมีเสียงแปลกๆ จากเครื่องยนต์ รวมถึงเกจวัดความร้อนไม่ควรสูงผิดปกติ

• แอร์: ควรเป็นลมเย็น เว้นแต่เปิดเครื่องทำความร้อน

• พวงมาลัย: พวงมาลัยไม่ควรฝืดเกินไป และไม่ควรสั่น พวงมาลัยสั่นเป็นสัญญาณของปัญหาระบบกันสะเทือน หรือปัญหายาง

• เกียร์: เกียร์ปรับได้ราบรื่น ไม่มีเสียงแปลกๆ ไม่กระชาก เกียร์ธรรมดากดคลัทช์ไม่ยากเกินไป และเสียงการทำงานของเฟืองเกียร์ไม่ผิดปกติ เกียร์อัตโนมัติไม่ควรช้า หรือหย่อนยาน

• ช่วงล่าง: เมื่อขึ้นลูกระนาดไม่ควรมีเสียงเหล็กกระทบกัน

• ดอกยาง: เมื่อขับเสร็จแล้วให้สังเกตว่าดอกยางสึกเสมอกันทั้งด้านในและด้านนอกหรือไม่ ถ้าไม่เสมออาจแปลว่าบูชและช่วงล่างสึกหรอมาก

ถ้ามีอาการผิดปกติ แนะนำให้โบกมือลาไปก่อนดีกว่า เพราะซื้อมาแล้วได้เสียค่าซ่อมต่อแน่นอน

 

นำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการ

7. นำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการ

สุดท้ายนี้ วิธีดูรถมือสองเบื้องต้นด้วยตาของผู้ซื้อคนเดียวอาจไม่พอ ควรนำรถเข้ารับบริการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญตามศูนย์บริการตรวจเช็กสภาพรถทั่วไปเพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น  ทั้งนี้ แม้ขั้นตอนการตรวจสภาพรถจะได้ทำซ้ำอีกครั้งที่กรมขนส่งในขั้นตอนการโอนรถมือสองหลังจากซื้อขายเสร็จ แต่ก็ควรส่งให้ศูนย์ตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อ

 

สรุป

วิธีดูรถมือสองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของรถย้อมแมวนั้นเริ่มตั้งแต่หาแหล่งซื้อรถยนต์มือสองที่น่าเชื่อถือ ค้นหาราคากลาง ตรวจสอบประวัติ และสภาพรถทั้งด้านนอกและด้านในให้ดี สุดท้ายจะขาดการทดลองขับไปไม่ได้ หรือหากยังไม่มั่นใจอีกก็สามารถส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญตามศูนย์บริการตรวจสอบรถยนต์ต่างๆ ประเมินสภาพเพิ่มเติมได้ เพียงเท่านี้รถมือสองในฝันก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

17 กุมภาพันธ์ 2024