

ปัญหากวนใจเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ คงหนีไม่พ้นเรื่องแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมแน่ๆ เพราะแบตเตอรี่ถือได้ว่าเป็นแหล่งสำรองไฟเพื่อจ่ายไฟไปยังระบบห้องเครื่อง หากมีปัญหาจุดนี้แล้ว อาจทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติดได้ ซึ่งผู้ใช้งานควรรู้วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมและหมั่นสังเกตดูอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมอย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างการเดินทาง ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหานี้ คาร์ฮีไร่ก็มีวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมง่ายๆ มาฝาก!
วิธีเช็กอาการไม่ค่อยดี ที่บ่งบอกว่าแบตเตอรี่รถยนต์กำลังจะเสื่อม
ปกติแล้ววิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมในเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถทำได้คือ การดูสัญลักษณ์หน้าปัดหลังพวงมาลัย ซึ่งนอกจากการสังเกตหน้าปัดแล้วยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้แบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีปัญหา และควรได้รับการซ่อมแซมโดยด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย ซึ่งวิธีที่ว่านั้นจะมีด้วยกัน 4 วิธีดังนี้
• รถสตาร์ทไม่ติดหรือสตาร์ทติดยาก
รถยนต์เริ่มมีอาการสตาร์ทติดยาก สาเหตุนี้อาจมาจากแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม โดยวิธีสังเกตหรือเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมคือ เมื่อจอดทิ้งไว้หลายวันแน่นอนว่ามอเตอร์เครื่องยนต์เริ่มหมุนช้า มีประจุแรงชาร์จไม่พอให้เครื่องยนต์สตาร์ทติด หรือหากในช่วงเช้ารู้สึกว่ารถยนต์สตาร์ทติดยาก แสดงว่าแบตเตอรี่รถยนต์เริ่มมีปัญหาในการเก็บประจุไฟฟ้าที่จะส่งกระแสไปยังมอเตอร์สตาร์ทเครื่องยนต์นั่นเอง
• ระบบไฟส่องสว่างรถยนต์ทำงานได้ไม่ดี
เมื่อประจุไฟฟ้าไม่เพียงพอ ระบบไฟฟ้าของรถจะทำงานปิดปกติ สังเกตง่ายๆ จากการเปิด-ปิดไฟหน้ารถ จะมาความช้าลง รวมไปถึงไฟส่องสว่างภายในและภายนอกตัวรถไม่เพียงพอ สาเหตุนี้อาจมาจากอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม
• แอร์รถไม่เย็น
แอร์รถไม่เย็นปัญหาที่พบบ่อยไม่ว่าจะเป็นรถเก่าหรือรถใหม่ โดยเกิดจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของการระบายความร้อนในตัวรถไม่ดี สายท่อแอร์รั่ว หรือแม้แต่แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม เป็นต้น ซึ่งจะขอยกตัวอย่างกรณีแบตเตอรี่รถเสื่อมที่ส่งผลให้ความเย็นในรถลดลง หากมีปัญหาต้องรีบเปลี่ยนเพื่อให้ระบบแอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาคอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานช้า หรือน้ำยาแอร์ไหลผ่านคอยล์เย็นได้ไม่ดี หากไม่รีบแก้ไขอาจจะทำให้ระบบแอร์เสื่อมคุณภาพเร็วยิ่งขึ้น
ชวนเบิกเนตรกับสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม
ทุกวันนี้สาเหตุที่รถเสียบ่อย การใช้งานเริ่มเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ส่วนใหญ่มักมีผลมาจากแบตเตอรี่รถเสื่อม เนื่องจากแบตเตอรี่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญในการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ให้รถยนต์เคลื่อนที่ได้ ลองมาดูกันว่าอาการของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมนั้นมีอะไรบ้าง
• คราบขี้เกลือขึ้นแบตเตอรี่รถยนต์
คราบขี้เกลือขึ้นแบตเตอรี่มาจากหลายสาเหตุ เช่น การเติมน้ำกลั่นเกินกำหนด หรือจะเป็นปฏิกิริยาทางเคมีจากน้ำกรดที่ระเหยไปโดนอากาศและไปสัมผัสกับเหล็กหรือตะกั่ว แน่นอนว่าจะทำให้เกิดคราบขี้เกลือ และหากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำความสะอาดจะทำให้เกิดปัญหาด้านการจ่ายไฟไปยังส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ารถ ไฟท้ายรถ หรือกระจกไฟฟ้า รวมไปถึงนำไปสู่ปัญหาการสตาร์ทรถติดยาก ซึ่งวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์ว่ามีคราบขี้เกลือขึ้นหรือไม่ ให้สังเกตดูว่ามีผงสีขาวหรือสีฟ้าตรงบริเวณขั้วหรือที่รัดแบตเตอรี่ หากเจอให้นำน้ำร้อนราดบริเวณนั้นๆ แต่ควรใช้ผ้ารองไว้เพื่อไม่ให้น้ำร้อนไปโดนส่วนอื่นๆ ของรถ
• แบตเตอรี่รถยนต์หมดอายุการใช้งาน
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์มีอายุกี่ปี โดยทั่วไปแล้วจะมีอายุการใช้งานอย่างน้อย 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ โดยประเภทของแบตเตอรี่นั้นมีทั้งแบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งและแบบน้ำ ซึ่งแบบแห้งมีอายุการใช้งานนาน ราคาสูง และสะดวกสบายเพราะไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ ดูแลรักษาง่าย แต่หากเป็นแบตเตอรี่น้ำจะมีอายุการใช้งานที่สั้น ราคาถูก ต้องหมั่นเติมน้ำกลั่นเอง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ประเภทไหน วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์ว่าเสื่อมหรือไม่ ให้ดูจากฉลากหรือรายละเอียดที่ระบุวันที่เริ่มใช้งานได้
• สภาพอากาศและอุณหภูมิ
สภาพอากาศและอุณหภูมิมีส่วนในการทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม เช่น สภาพอากาศที่ร้อนทำให้สารเคมีหรือของเหลวในแบตเตอรี่นั้นระเหยออก เป็นตัวการที่ทำให้แบตเตอรี่นั้นมีคุณภาพที่เสื่อมลง โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่จะทำงานได้ดีในอุณภูมิที่ไม่เกิน 32 องศาเซลเซียส
ซ่อมได้… กับวิธีแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่รถเสื่อมในเบื้องต้น
เมื่อตรวจเจอว่าแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม แล้วจะต้องแก้ปัญหาอย่างไร? สำหรับหัวข้อนี้คาร์ฮีไร่ก็ได้ขนเอาวิธีแก้ไขปัญหานี้ในเบื้องต้นมาให้ดูกัน
• ทำความสะอาดแบตเตอรี่รถยนต์
สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บริเวณแบตเตอรี่รถยนต์ อาจจะทำให้สภาพ การใช้งานของตัวแบตเตอรี่ต่ำ และยิ่งไปกว่านั้นหากเข้าไปยังเซลล์ของแบตเตอรี่ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพในที่สุด แนะนำการทำความสะอาดง่ายๆ โดยนำกระดาษทรายมาขัดเช็ดบริเวณขั่วแบตเตอรี่ หมั่นทำทุกๆ 3 เดือนเพื่อป้องกันแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม และคงสภาพการใช้งานให้ดีอยู่เสมอ
• เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่
เมื่อแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม หลายคนอาจจะนำรถเข้าอู่เพื่อทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่รู้หรือไม่ว่าใครๆ ก็สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้ เพียงไม่กี่ขั้นตอน เพราะเมื่อถึงคราวที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเอง จะได้ไม่ติดขัด ซึ่งวิธีเปลี่ยนนั้นเพียงแค่เตรียมเครื่องมือไม่กี่ชิ้น เช่น ประแจเบอร์ 10-13 ถุงมือ ผ้าสะอาด แว่นตา และจารบี
สำหรับขั้นตอนการเปลี่ยนง่ายๆ คือ เปิดฝากระโปรงรถ ถอดแบตเตอรี่ลูกเก่าออก ถอดจากขั่วลบก่อน แล้วตามด้วยขั่วบวก ยกแบตเตอรี่ออกจากช่องและนำแบตเตอรี่ลูกใหม่ใส่เข้าไป ใส่ขั่วแบตเตอรี่กลับไปเหมือนเดิม โดยเริ่มจากขั่วบวกก่อนแล้วตามด้วยขั่วลบ ทาจารบีเพื่อป้องกันสนิมเกาะ และทดสอบโดยการลองสตาร์ทเครื่องยนต์
• จั๊มแบตเตอรี่รถยนต์
การจั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ เป็นวิธีการช่วยแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเมื่อแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม สตาร์ทไม่ติด ขั้นตอนการแก้ไขเฉพาะหน้าแบบนี้ทำได้ไม่ยากเพียงเตรียมสายจั๊ม ซึ่งสายจั๊มจะมีสองเส้นคือ เส้นสีแดงที่เป็นประจุบวกและเส้นสีดำที่เป็นประจุลบ เตรียมต่อจั๊มกับรถยนต์อีกคัน โดยให้รถยนต์หันหน้าเข้าหากัน ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าของรถทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นแอร์ เครื่องเสียง หรือฟส่องสว่างต่างๆ เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟ
จากนั้นต่อสายพ่วงระหว่างรถทั้งสอง โดยต่อสายพ่วงสีแดงเข้ารถที่แบตหมด และปลายสายสีแดงอีกอันต่อกับรถคันที่แบตสภาพดี สำหรับสายสีดำให้พ่วงกับรถคันที่แบตสภาพดีเช่นกัน ปลายสายอีกด้านหนีบกับโลหะภายในเครื่องยนต์ จากนั้นสตาร์ทรถคันที่แบตดีทิ้งไว้ 3-5 นาที อาจจะเร่งเครื่องช่วยเพื่อถ่ายประจุไฟฟ้า จากนั้นลองสตาร์ทรถคันที่แบตหมดทิ้งไว้ 1-2 นาที
ฮาวทูเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งาน
หากรถสตาร์ทติดยาก การจ่ายไฟไม่เพียงพอทำให้แสงสว่างลดลงอยู่บ่อยครั้ง อาจะเป็นสาเหตุมาจากแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ซึ่งวิธีการแก้ไขที่ช่วยให้ปัญหากวนใจนี้หมดไปคือ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ สำหรับในหัวข้อนี้คาร์ฮีโร่ก็ได้นำข้อมูลที่น่าสนใจมาฝาก ว่าหากต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ควรเลือกแบบไหนดี!
แบตเตอรี่แห้ง
แบตเตอรี่แห้ง หลายคนอาจจะเข้าว่าภายในแห้งสนิทไม่มีสารอะไร แต่ความเป็นจริงแล้วภายในยังมีของเหลวเหมือนเดิม เพียงแค่เป็นแบตเตอรี่ที่ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำกลั่น และไม่มีฝาเปิด-ปิด สามารถเช็กระดับการใช้งานโดยมองผ่านตาแมว ซึ่งแบตเตอรี่ประเภทนี้มีข้อดีและข้อเสียคือ
ข้อดีแบตเตอรี่แห้ง
• ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น
• ดุแลรักษาได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
• ลดการรั่วไหลของน้ำกรดในแบตเตอรี่ที่จะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์
• มีค่าแอมป์และค่า CCA ที่สูง และมีแรงสตาร์ทและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ข้อเสียแบตเตอรี่แห้ง
• ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป
• หากแบตเตอรี่แห้งที่ไม่ปิดผลึกด้วยซีล แบบอีเล็กโตรไลท์ เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นอาจจะทำให้ความชื้นเข้าไปด้านใน
• บริเวณแบตเตอรี่จะมีรูอากาศขนาดเล็ก ง่ายต่อการอุดตันที่จะส่งผลต่อแรงดันภายในแบตเตอรี่
แบตเตอรี่น้ำ
แบตเตอรี่แบบน้ำเป็นแบตเตอรี่ที่ผู้ใช้งานควรหมั่นเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยเดือนละครั้ง ทั้งยังเป็นแบตเตอรี่ที่สูญเสียน้ำและน้ำกลั่นค่อนข้างมาก หากปล่อยให้ระเหยจนหมด จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพเร็ว รวมทั้งยังต้องทำการชาร์จไว้ทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงก่อนการใช้งาน สำหรับข้อดีข้อเสียก็จะมีดังนี้
ข้อดีแบตเตอรี่น้ำ
• ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แบบอื่น
• อายุการใช้งานนานกว่าแบบแห้งถึง 3-5 เดือน
• ทนความร้อนได้เป็นอย่างดี
ข้อเสียแบตเตอรี่น้ำ
• หมั่นดูแลระดับน้ำกลั่นสม่ำเสมอ
• ค่าแอมป์ และค่า CCA มีอัตราน้อยกว่าแบตเตอรี่แบบแห้ง
• เวลาเติมน้ำกลั่นลงในแบตเตอรี่อาจทำให้ขั่วแบตเตอรี่มีคราบขี้เกลือขึ้น
แบตเตอรี่กึ่งแห้ง
แบตเตอรี่กึ่งแห้ง เป็นแบตเตอรี่ที่ต้องได้รับการดูแลสม่ำเสมอ แต่อาจจะไม่เทียบเท่าแบบน้ำ โดยจะต้องตรวจสอบระดับน้ำกลั่นทุกๆ 6 เดือน หรือทุกๆ 10,000 กม. เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ซึ่งตัวแบตเตอรี่เองจะมีรูเล็กๆ ไว้สำหรับเติมน้ำ
ข้อดีแบตเตอรี่กึ่งแห้ง
• การดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ
• ราคาค่อนข้างถูกกว่าแบตเตอรี่แห้ง
• มีความทนทานสูง
ข้อเสียแบตเตอรี่กึ่งแห้ง
• อายุการใช้งานน้อยกว่าแบตเตอรี่น้ำ
สรุป
แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ปัญหาใหญ่สำหรับผู้ใช้รถ หากพบเจอสิ่งผิดปกติควรเริ่มตรวจสอบและรู้วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมอย่างถูกวิธี เพราะปกติแล้วอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์มีจำกัด หากมองข้ามหรือปล่อยทิ้งไว้ อาจจะทำให้เกิดปัญหาผลพ่วงที่ตามมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะให้ลามไปยังระบบเครื่องยนต์อื่นๆ หากอยากรับมือให้ทันท่วงทีก็ลองนำวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเหล่านี้ไปใช้กันได้