ไม่อยากรถพังต้องรู้! 5 ประเภทของเหลวรถยนต์ ต้องเปลี่ยนทุกกี่กิโล
11 กุมภาพันธ์ 2024

เมื่อคุณตัดสินใจซื้อรถยนต์ และอยากให้รถมีประสิทธิภาพที่ดีอยู่กับคุณไปนานๆ คุณต้องคอยหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ หากคุณเผลอละเลยตรวจสภาพรถยนต์ หรือลืมเช็กระบบของเหลวภายใน อาจจะทำให้รถยนต์อยู่กับคุณได้ไม่นาน ซึ่งในบทความนี้คาร์ฮีโร่จะมาบอกข้อมูลเกี่ยวกับระบบและประเภทของเหลวในรถยนต์ รวมทั้งข้อดีของเปลี่ยนถ่ายของเหลว นอกจากนี้เราจะแชร์ข้อมูลระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ว่าจะต้องเปลี่ยนทุกกี่กิโลและควรเปลี่ยนช่วงไหนดี ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันได้เลย!

 

ระบบของเหลวในรถยนต์มีอะไรบ้าง

ระบบของเหลวในรถยนต์นั้นประกอบไปด้วย น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำยาหล่อเย็น และส่วนน้ำฉีดกระจกหน้ารถยนต์ ซึ่งแต่ละอย่างจะทำหน้าที่อะไร มีความสำคัญอย่างไร ทำไมเราถึงต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์  คำถามเหล่านี้คุณสามารถร่วมหาคำตอบไปได้พร้อมๆ กัน

 

น้ำมันเครื่อง

1. น้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่อง หรือเรียกกันอีกอย่างว่า น้ำมันหล่อลื่น เปรียบเสมือนเป็นหัวใจของรถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะช่วยบำรุงรักษาเครื่องยนต์ทั้งระบบ ลดแรงเสียดทาน และป้องกันการสึกหรอ ซึ่งน้ำมันเครื่องจะเข้าไปแทรกอยู่ตรงระหว่างชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ สร้างฟิล์มบางๆ เคลือบเอาไว้ เพื่อป้องกันชิ้นส่วนต่างๆ กระทบกัน และยังสามารถช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้อีกด้วย พร้อมช่วยควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

 

โดยปกติแล้วระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายของเหลวอย่างน้ำมันเครื่อง จะเปลี่ยนทุกๆ 8,000-10,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 6 เดือน ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะเป็นลำดับต้นๆ ที่คนให้ความสำคัญและควรเช็กอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง วิธีการเช็กว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนไม่ยาก โดยปกติแล้วจะมีด้านวัดสีเหลืองอยู่ใกล้ๆ กับตัวเครื่องยนต์ ให้ดึงก้านวัดออกมาเช็ดให้สะอาดแล้วเสียบกลับลงไป หลังจากนั้นก็ดึงออกมาอีกครั้ง ให้สังเกตที่ปลายด้านวัด จะมีขีดคอยบอกระดับน้ำมันอยู่ ถ้าน้ำมันเครื่องติดอยู่ตรงระหว่างขีด Min และ Max จะหมายถึงยังอยู่ในระดับที่ปกติ

น้ำมันเกียร์

น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเฟืองท้าย เป็นของเหลวที่ช่วยให้การทำงานของระบบเกียร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้เกียร์ไหลลื่น ช่วยหล่อลื่นฟันเฟือง เพื่อไม่ให้ฟันเฟืองขบกัน ลดการเสียดสีของชิ้นส่วนในระบบเกียร์ และยังสามารถถ่ายเทความร้อนได้อีกด้วย แต่หากถามว่าน้ำมันเกียร์หรือน้ำมันเฟืองท้ายควรเปลี่ยนตอนไหน ต้องบอกว่าจะขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันเกียร์นั้นเอง ซึ่งตามหลักแล้วน้ำมันเกียร์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ แบบธรรมดา และแบบออโต้

  • น้ำมันเกียร์แบบธรรมดา ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายของเหลวชนิดนี้ปกติจะเปลี่ยนถ่ายปีละครั้ง แต่ถ้ารถที่ลุยๆ หน่อย เช่น ลุยน้ำ ลุยฝน จะทำให้มีความชื้นสะสม อาจจะต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไวกว่าเวลาที่กำหนดได้
  • น้ำมันเกียร์แบบออโต้ จะใช้น้ำมันเกียร์ออโต้ ซึ่งหากถามว่าน้ำมันเกียร์ควรเปลี่ยนทุกกี่กิโล? คำตอบคือ ควรจะเปลี่ยนทุกๆ 40,000 กิโลเมตร แต่ถ้าหากมีการเดินทางไกลบ่อยๆ กลับต่างจังหวัด หรือรถติดอยู่ในเมือง ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เร็วขึ้นหน่อย เช่น เปลี่ยนทุกๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อให้น้ำมันเกียร์สะอาด และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

 

น้ำมันเบรก

น้ำมันเบรก

น้ำมันเบรกเป็นของเหลวรถยนต์ที่ทำหน้าเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังจากแรงเหยียบไปสู่ระบบเบรก เพื่อลดความเร็วของรถให้ช้าลง หรือหยุดตามแรงกดที่เราเหยียบเบรกไว้ ซึ่งระบบภายในจะต้องมีน้ำมันเบรกในปริมาณที่เพียงพอที่จะทำให้การเดินทางนั้นปลอดภัย แต่ในกรณีที่คุณเหยียบแป้นเบรกและรถของคุณหยุดช้าลง นั่นหมายถึงเบรกของคุณกำลังเสื่อม ในเบื้องต้นคุณสามารถสันนิษฐานได้เลยว่ารถกำลังขาดน้ำมันเบรกนั่นเอง ดังนั้น ก่อนการเดินทางคุณควรตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกทุกครั้ง ถ้าพบว่าน้ำมันเบรกเหลือน้อย ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และรีบทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทันที

 

น้ำยาหล่อเย็น

ของเหลวอีกอย่างที่ต้องให้ความสำคัญในการเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์คือ น้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำรถยนต์ เพราะเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อน ป้องกันการแข็งตัว และช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนจนเกินไป ทั้งยังมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดสนิมอีกด้วย

 

ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์ชนิดนี้ ควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 6-9 เดือน หรือในระยะ 50,000 กิโลเมตร เพื่อประสิทธิภาพในการเดินทาง และการใช้งานใด้ดี ทั้งนี้คุณสามารถตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ ทุกๆ สัปดาห์ โดยระดับน้ำหล่อเย็นนั้นไม่ควรต่ำกว่าหม้อน้ำ 1.5 นิ้ว หากพบว่าระดับน้ำลดลง ไม่ควรเติมน้ำเปล่า แต่ควรเติมน้ำยาหล่อเย็นลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิมเกาะหม้อน้ำ และเพื่อช่วยถ่ายเทความร้อนให้ดีขึ้น

 

น้ำฉีกกระจกรถยนต์

น้ำฉีกกระจกรถยนต์

น้ำฉีดกระจกรถ เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เล็กๆ ในรถยนต์ที่มีความสำคัญ และมีประโยชน์อย่างมาก เพราะทุกครั้งเมื่อกระจกหน้ารถของคุณเปื้อนในขณะขับขี่บนถนน จำเป็นต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนเข้าช่วย ซึ่งการทำงานของระบบนี้คือ น้ำในถังจะพุ่งใส่กระจก พร้อมก้านปัดน้ำฝนที่ทำงานปัดไปมา เพื่อช่วยชำระล้างคราบสกปรก ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนมากขึ้น หากพบว่าน้ำฉีดกระจกหน้ารถหมดให้ทำการเติมน้ำยาลงไป และหลังจากนั้นก็ต้องคอยตรวจเช็กด้วยว่าปั๊มและท่อทำงานถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้รถยนต์ของคุณมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้สูงสุด

 

ทำไมถึงต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์

ทำไมถึงต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์

คุณสงสัยใช่ไหมว่าทำไมช่างถึงแนะนำให้เปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์เป็นประจำ ก็เพราะนั่นคือส่วนสำคัญของเครื่องยนต์ เพราะเมื่อระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ การใช้งานที่ต่อเนื่อง ของเหลวในรถยนต์ย่อมลดน้อยลง และคุณภาพอาจจะเสื่อมลง ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานต่ำ หากรอนานเกินไปผลที่ตามมาอาจจะกระทบกับการเดินทาง หรืออาจทำให้เกิดอันตรายได้ระหว่างการขับขี่ สำหรับข้อดีในการเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์มีดังนี้

  • การเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์เป็นประจำจะช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกสะสมอยู่ภายใน ซึ่งสิ่งสกปรกนี้เองที่อาจจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้
  • ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ เพราะการถ่ายของเหลวรถยนต์ จะช่วยป้องกันการสึกหรอต่างๆ
  • ช่วยลดการปล่อยมลพิษ เพราะหากคุณไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำ จะทำให้เกิดการสะสมของไฮโดรคาร์บอนภายในของเครื่องยนต์และถูกเผาไหม้ ทำให้ถูกปล่อยขึ้นไปในอากาศผ่านท่อไอเสียของรถยนต์
  • การเปลี่ยนของเหลวในเครื่องยนต์ จะทำให้ระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ทำงานได้ดีขึ้น

เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อประสิทธิภาพในการใช้เครื่องยนต์ และยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์ของคุณแล้ว ต้องคอยหมั่นเปลี่ยนของเหลวรถยนต์เป็นประจำ ดีกว่าปล่อยให้เกิดปัญหาที่เกินแก้ จนต้องเสียเงินก้อนโตโดยที่ไม่จำเป็น

 

สัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายของเหลว

สัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายของเหลว

เมื่อเรารู้ถึงความสำคัญของการเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์แล้ว อะไรคือสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนของเหลวกันล่ะ

  • คอยฟังเสียงเครื่องยนต์ที่ดังผิดปกติ หากมีเสียงดังจากห้องเครื่อง ให้ทำการเปิดฝากระโปรงเช็กน้ำมันเครื่องว่าแห้งหรือเสื่อมสภาพแล้วหรือไม่
  • อัตราเร่งอืด รถวิ่งได้ช้าลง เมื่อน้ำมันเครื่องไม่มีประสิทธิภาพ การทำงานของเครื่องยนต์ก็ทำได้ไม่เต็มที่ ทำให้อัตราเร่งลดลง
  • สังเกตสีของน้ำมันเครื่อง ซึ่งน้ำมันเครื่องปกติจะมีสีเหลืองดำพัน แต่หลังจากผ่านการใช้งาน จะเปลี่ยนเป็นสีดำจากสิ่งสกปรกภายในเครื่องยนต์
  • รถยนต์กินมันน้ำเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น หากไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนานๆ เข้า น้ำมันจะมีลักษณะหนืดจนไม่สามารถปั๊มขึ้นไปหล่อลื่นลูกสูบได้ทัน ทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้า ส่งผลให้เปลืองน้ำมัน แถมเครื่องยนต์ยังสึกได้เร็วขึ้นอีกด้วย
  • มีควันดำปล่อยมลพิษออกมาจากรถ เกิดจากน้ำมันเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน เสื่อมสภาพ หรือไม่ได้ทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก จนต้องใช้อัตราเร่งเพิ่มมากขึ้น

 

ขณะเดียวกัน ระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์ขึ้นอยู่กับปีที่ใช้รถยนต์ ยี่ห้อรถยนต์ และข้อมูลเฉพาะอื่นๆ ของรถคุณ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่เปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์ล่ะ ผลที่ไ่ด้คือ รถยนต์และเครื่องยนต์จะเสื่อมสภาพลง เกิดการตกตะกอนสิ่งสกปรก และปัญหาต่างๆ จนทำให้กระทบกับการใช้งาน หรืออาจะเกิดอุบัติเหตุได้

 

สรุป

การเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์มีส่วนสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ ส่งผลให้การขับขี่มีความราบลื่นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหารถเสียหรือต้องส่งรถเข้าศูนย์ซ่อมแต่อย่างใด นอกจากนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์มือสองดีๆ ไว้ใช้งานสักคันหนึ่ง ซึ่งได้รับการตรวจเช็ก รวมไปถึงการเปลี่ยนถ่ายของเหลวรถยนต์เรียบร้อยแล้ว สามารถดูรุ่นรถต่างๆ ที่น่าสนใจได้แล้วที่ Car Hero แหล่งรวมรถยนต์มือสองคุณภาพพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋านั่นเอง

11 กุมภาพันธ์ 2024